java

>ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog ของพิมพการ์ กาน้อย
  • หน้าแรก
  • ร้านอาหารเมืองพัทยา
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • การท่องเที่ยวเมืองพัทยา
  • ประวัติผู้จัดทำ
  • เขียนโดย Mr.Darasak ที่ 18:53 0 ความคิดเห็น ส่งอีเมลข้อมูลนี้ BlogThis! แบ่งปันไปที่ Twitter แบ่งปันไปที่ Facebook วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

    วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

    สถานที่ท่องเที่ยว

    อาร์ต อิน พาราไดซ์ Art in Paradise

    อาร์ต อิน พาราไดซ์ Art in Paradise
    อาร์ต อิน พาราไดซ์ (Art in Paradise) แน่นอนว่าเป็นจุดท่องเที่ยวพัทยาที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด เพราะว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสามมิติแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย อีกทั้งเป็นที่ ๆ ผู้เข้ามาเยี่ยมชมสามารถมีส่วนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการโพสท่าถ่ายรูปหรือจับต้องภาพจิตกรรมฝาผนัง ผิดกับพิพิธภัณฑ์ที่เราเห็นได้ทั่วไปอย่างชัดเจน ดังนั้นแล้ว Art in Paradise จึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเภททุกวัย โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เข้ามาแล้วจะต้องร้องว้าวกันซะทุกคน สิ่งสำคัญมากอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมมากก็คือ ทำเลที่ตั้ง เพราะตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองพัทยาเลย

    อาร์ต อิน พาราไดซ์ เปิดเมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2555 นี้เอง โดยมีผู้ก่อตั้งเป็นชาวเกาหลี ชื่อว่าคุณ ชิน เจ ยอล (Shin Jae Yeoul) ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนสร้างสรรค์พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กว่า 50 ล้านบาท ในพื้นที่กว่า 5,800 ตารางเมตร ภายในอาคารจัดเป็นห้องแสดงภาพกว่าสิบห้อง อาทิ เช่น ห้องใต้สมุทร ห้องป่าดึกดำบรรพ์ ห้องทิวทัศน์ธรรมชาติ เป็นต้น การสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่ว่าจะทำให้ศิลปะเป็นที่แพร่หลายต่อประชาชนทุกกลุ่ม ได้มีความ สนุก เพลินเพลิน และมีความประทับใจในการเที่ยวชมผลงานที่ช่างศิลป์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากนั่นเอง

    อย่างที่บอกไปแล้วว่า ในการเที่ยวชมผลงานต่าง ๆ ของภาพฝาผนังของที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ เพราะรูปสามมิติเหล่านั้นถูกออกแบบมาให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ซึ่งจะมีรูปภาพตัวอย่างในการโพสท่าเล่นกับรูปอย่างไรด้วย แต่หากใครที่อยากครีเอทท่าใหม่ ๆ ก็จัดได้ตามความต้องการเช่นกัน และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้คนมาเที่ยวชมที่นี่ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน แต่อย่างไรก็ตามการถ่ายรูปกับภาพสามมิติเหล่านี้ ถ้าจะให้ออกมาเป็นที่ประทับใจมาก ๆ คงจะต้องหามุมถ่ายสวย ๆ ให้ภาพ 3D เหล่านั้นดูเหมือนจริงมากที่สุดด้วย

    สำหรับค่าใช้จ่ายในการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ราคาก็อยู่ที่ 150 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และ 100 บาท สำหรับเด็กที่สูงไม่เกิน 120 เซ็นติเมตร (ต่างชาติผู้ใหญ่ 500 บาท และเด็ก 300 บาท) เวลาเที่ยวชมก็ตั้งแต่ 09.00 - 21.00 (ขายบัตรถึงแค่ 20.00) ส่วนการเดินทางก็ไม่ยากเลยเพราะอยู่ใกล้ ๆ กับบิ๊กซี พัทยาเหนือ ดังนั้นเวลาขับรถมาทางเส้นสุขุมวิทก็เลี้ยวลงเส้นพัทยาเหนือ พอเลยโลตัสไปหน่อยจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายไปพัทยาเหนือ พอเลี้ยวเข้ามาก็ขับตรงไปหน่อยแล้วเลี้ยวขวา (ซอยที่สองใกล้ดิฟเฟอร์) ก็ถึงแล้ว ส่วนใครไม่ได้ขับรถมาก็นั่งรถสองแถวเส้นพัทยาสายสอง ตรงมาถึงปั๊มเชลล์ใกล้ ๆ บิ๊กซี ก็ลงรถได้เลย เพราะ Art in Paradise อยู่ถัดจากปั๊มไปเพียงซอยเดียวเท่านั้น

    ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา

    ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา
    ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยานั้น เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำหรับการช๊อปปิ้งสำหรับคนมาเที่ยวพัทยา ภายในจะมีการแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมของแต่ละภาคในประเทศไทยด้วย จุดนี้น่าจะเป็นส่วนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เช่นเดี่ยวกันกับตลาดน้ำอื่น ๆ เราจะพบแม่ค้าพ่อค้าขายของอยู่บนเรือเต็มไปหมด และหากเราอยากจะนั่งเรือชมรอบ ๆ ตลาดน้ำสี่ภาคนี้ก็ทำได้เช่นกัน การไปตลาดน้ำสี่ภาคนี้ไม่ยากเลย เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองพัทยาเท่าไรและอยู่ติดกับสุขุมวิทเลย

    ตลาดน้ำสี่ภาคได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของพัทยาไปแล้ว แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมามากมายเลยทีเดียว กิจกรรม การแสดงของวัฒนธรรมไทย และสินค้ามากมายที่มีขายในตลาด เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดี ปัจจุบันยังมีรถประจำทางบริการสำหรับตลาดน้ำสี่ภาค เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวด้วย

    ตลาดน้ำสี่ภาคนั้นถูกสร้างขึ้นมาภายใต้วัตถุประสงค์ของการนำเสนอขนบธรรมเนียนประเพนีของแต่ละภาคในประเทศไทย ทั้งเหนือ ใต้ กลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ (กลางกับตะวันออกคงจะคล้าย ๆ กันจึงถูกรวมกันไป) ซึ่งจุดมุ่งหมายนี้รวมไปถึงวิธีการใช้ชีวิตของผู้คน กิจกรรมต่าง ๆ และสินค้าหลัก ๆ ของแต่ละภาคด้วย เพราะฉะนั้นตลาดน้ำพัทยาจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ

    เขาชีจรรย์

    เขาชีจรรย์
    เขาชีจรรย์อยู่ไม่ไกลจากเมืองพัทยาเท่าไรและมีชื่อเสียงมาก บางคนที่ยังไม่เคยมาพัทยาเลย แต่กลับเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงเขาชีจรรย์มาบ้าง เพราะฉะนั้นที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจแน่นอน จุดเด่นของเขาชีจรรย์นั้นก็คือรูปพระพุทธรูปยักษ์ถูกแกะสลักอยู่บนหน้าผา โดยที่ขนาดของรอยแกะสลักนั้นสูง 109 เมตร และกว้าง 70 เมตรโดยประมาณ คนที่มาเยี่ยมเยียนที่นี่ มักจะไปเพราะอยากดูรูปแกะสลักด้วยแล้วก็อยากจะไปไหว้พระให้เกิดสิ่งดี ๆ ในชีวิตด้วย บริเวณรอบ ๆ หน้าผานั้นก็ยังมีลานกว้างและทะเลสาบกับสวนหินด้วย แต่นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในสวนนะ ดูได้อย่างเดียว

    ในตอนแรกเขาชีจรรย์นั้นถูกระเบิดเพื่อวัตถุประสงค์ของการก่อสร้าง แต่พระญาณสังวรณ์ ได้คิดถึงการพัฒนารูปปั้นแกะสลักบนหินผา เพื่อเป็นเฉลิมพระเกียรติแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ 50 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามของพระพุทธรูปว่า "พระพุทธมหาวชิรอุตโมภาสศาสดา"

    การแกะสลักพระพุทธรูปบนหน้าผานั้นมีหลายขั้นตอนด้วยกัน ในตอนแรกพระพุทธรูปได้รับการออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก่อน จากนั้นก็นำภาพที่ได้ทำการออกแบบมานั้นมาฉายลงบนหน้าผาด้วยแสงเลเซอร์ แต่การฉายแสงนั้นถูกทำเฉพาะตอนกลางคืนอย่างเดียว เนื่องจากมีความชัดเจนกว่าและจะมีเจ้าหน้าที่โรยตัวลงมาวาดภาพตามแสงเลเซอร์เหล่านั้น ส่วนในช่วงเวลากลางวัน เจ้าหน้าที่จะทำการปรับแต่งภาพที่วาดให้มีความถูกต้องมากขึ้น หลังจากขั้นตอนการวาดเสร็จสมบูรณ์แล้ว การแกะสลักจึงค่อยเริ่มทำ

    เขาชีจรรย์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าถึงหกโมงเย็น และในเวลาเยี่ยมชมสถานที่นั้น นักท่องเที่ยวควรเชื่อฟังป้ายเตือนต่าง ๆ โดยเฉพาะการเตือนไม่ให้เข้าใกล้ผามากเกินไป เพราะนักท่องเที่ยวอาจจะได้รับบาดเจ็บได้หากบังเอิญมีหินตกลงมา

     

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น